วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

To do test #5

To do test #5


รูปที่1 ภาพประกอบ
  • ระบบสต๊อกสินค้า
    • ระบบสต๊อกสินค้าจะช่วยในการจัดการเกี่ยวกับสินค้าให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นโดยจะช่วยในการจัดเก็บข้อมูลของสิ่นค้าเเต่ละอย่างให้สามารถตรวจสอบเเละปรับเเก้ได้ง่ายเพื่อให้ทราบถึงจำนวนสินค้าที่มีอยู่ ราคา เเละรายละเอียดต่างๆ เป็นต้น

    ER DIAGRAM #3

    • จากแนวคิดข้างต้นจึงได้ทำการเพิ่ม Entity สต๊อกสินค้า เข้าไปยัง ER DIAGRAM ที่ได้ออกเเบบมาก่อนหน้านี้จะได้ดั้งรูป
    รูปที่2 เเสดงตำเเหน่งที่จะเพิ่มข้อมูล
    รูปที่3 เเสดง Entity สต๊อกสินค้าที่เพิ่มเข้าไป
      • เอนทิตี้ของสต๊อกสินค้าจะเก็บข้อมูลของสินค้าเเต่ล่ะชิ้นว่ามี จำนวนกี่ชิ้น ราคาเท่าไหร เพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถที่จะทำการวางเเผนการขายเเละจัดการกับสิ้นค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

    อธิบายความสัมพันธ์ของ ER DIAGRAM 

    • ความสัมพันธ์ของ ร้านค้า กับ สต๊อกสินค้า มีความสัมพันธ์กันดั้งนี้ : ร้านค้าหนึ่งร้านสามารถที่จะมีการสต๊อกสินค้าได้มากกว่าหนึ่งชิ้น
    รูปที่4 แสดงความสัมพันธ์ของ ร้านค้า กับ สต๊อกสินค้า
      • Degree : Binary relationship เป็นความสัมพันธ์ที่มี Entity เกี่ยวข้องด้วย 2 Entity คือ ร้านค้า กับ สต๊อกสินค้า
      • Participation : Partial ในฝั่งของร้านค้าเพาระร้านค้าจะมีสต๊อกสินค้า หรือไม่มีก็ได้ เเละเป็น Total ในฝั่งของสต๊อกสินค้า เพราะสต๊อกสินค้า จำเป็นที่จะต้องอยู่ในร้านค้าใดร้านค้าหนึ่ง
      • Cardinality : เป็นแบบ 1 : N เพราะร้านค้าหนึ่งร้านสามารถที่จะมีการสต๊อกสินค้าได้หลายอย่าง


    วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

    To do test #4

    To do test #4

    รูปที่1 ภาพประกอบ
    • เเนวคิดในการค้นหาข้มูลภายในเว็บ
      • ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่ามื่อผู้ประกาศขายจะทำการประกาศขายจะต้องทำตามขั้นตอนดังนี้
        • เขียนประกาศ
        • รอการตรวจสอบประกาศจากผู้ดูเเลระบบ
        • รอประกาศอนุมัติ
      • จากขั้นตอน รอการตรวจสอบประกาศจากผู้ดูเเลระบบ นั้นเองที่ผู้ดูเเลระบบจะทำการตรวจสอบขอมูลเเละความถูกต้องของประกาศเมื่อผ่านการตรวจสอบข้มจะถูกที่การเเสดงให้เห็นผ่านทางหน้าเว็บพร้อมกันนี้ระบบจะทำการตัดคำเเละทำการสร้าง index ของคำนั้นขึ้นมาเพื่อใช้ในการค้นหาของผู้ซื้อเเละจัดการเเสดงผลตามลำดับดังนี้

      ออกเเบบ ER DIAGRAM การค้นหา #1

      • จากแนวคิดข้างต้นสามารถเขียน ER DIAGRAM ได้ดั้งรูป
      รูปที่2 แสดง ER DIAGRAM ที่ออกแบบได้
        • เอนทิตี้ ของคำใช้ในการเก็บคำเพียงคำเดียวเพื่อใช้ในการอางอิงไปยัง index ของคำๆนั้นว่าอยู่ที่ประกาศขายไหนบ้าง
        • เอนทิตี้ ของตำเเหน่งใช้ในการเก็บข้อมูลของตำเเหน่งที่คำๆนั้นอยู่

      อธิบายความสัมพันธ์ของ ER DIAGRAM 

      • ความสัมพันธ์ของ คำ กับ ตำเเหน่ง มีความสัมพันธ์กันดั้งนี้ : คำหนึ่งคำสามารถที่จะอยู่ได้ในหลายๆประกาศ
      รูปที่3 แสดงความสัมพันธ์ของ คำ กับ ตำเเหน่ง
        • Degree : Binary relationship เป็นความสัมพันธ์ที่มี Entity เกี่ยวข้องด้วย 2 Entity คือ คำ กับ ต่ำเเหน่ง 
        • Participation : เป็น Total ทั้งสองฝั่งเพราะในการเก็บคำ จำเป็นที่จะต้องมีต่ำเเหน่งของคำๆนั้นด้วย
        • Cardinality : เป็นแบบ 1 : N เพราะคำหนึ่งคำสามารถมีได้หลายตำเเหน่ง

      ER DIAGRAM TO RELATIONS #1

      • Step 1: Mapping Entity
        • words (คำ)
      รูปที่4 Mapping Entity words  (คำ)
        • index (ตำเเหน่ง)
      รูปที่5 Mapping Entity index  (ตำเเหน่ง)
      • Step 2: Mapping Weak Entity
        • ไม่มี
      • Step 3: Mapping One - to - One Relation
        • ไม่มี
      • Step 4: Mapping One - to - Many Relation
        • ในการแปลง Relational 1:N จะทำโดยการเลือกเพิ่มข้อมูลด้าน N โดยเลือก Pimary key ของอีกฝั่งมาเพิ่มในตารางฝั่ง N
      รูปที่6 Mapping  words กับ index เเบบ 1:N
      • Step 5: Mapping Many - to - Many Relation
        • ไม่มี
      • Step 6: Mapping Multivalued Attribute
        • ไม่มี
      • Step 6: Mapping of N-ary relation type
        • ไม่มี


      To do test #3

      To do test #3

      รูปที่1 แสดง ER DIAGRAM ที่ออกแบบได้ครั้งเเรก 
      • จากเเนวคิดในการออกเเบบเว็บฝากขายสินค้าออนไลน์ คือ
        • เมื่อสมาชิกทำการลงทะเบียนกับเว็บไซต์ของเราเเล้ว สมาชิกทุกคนจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เพื่อให้สมาชิกแต่ละคนสามารถประกาศขายสินค้าได้ โดยที่สมาชิกสามารถที่จะประกาศขายสินค้าได้มากกว่าหนึ่งขิ้น และในประกาศขายสินค้าสามารถที่จะใส่รายละเอียดของสินค้าได้คือ ชื่อสินค้า ราคาสินค้า รายละเอียดสินค้า และรูปภาพสินค้า โดยที่สินค้าหนึ่งชิ้นสามารถที่จะมีรูปภาพประกอบได้มากกว่าหนึ่งรูปและสินค้าแต่ละชิ้นสามารถที่จะเเสดงความคิดเห็นได้ในรูปแบบของประกาศสินค้าที่เป็นกลุ่ม และยังสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นในรูปภาพแต่ละรูปได้อีกด้วย สินค้าหนึ่งชิ้นจำเป็นที่จะต้องมีรูปภาพประกอบอย่างน้อยหนึ่งรูป ในส่วนของร้านค้าสามารถที่จะตั้งชื่อร้านได้ ใส่รายละเอียดของร้านได้ รวมถึงวิธีการติดต่อกับผู้ขายว่าสามารถติดต่อได้ทางไหนบ้าง โดยอาจจะมีมากกว่าหนึ่งช่องทาง ในส่วนของของมูลผู้ขายจะต้องยืนยันข้อมูลจำนวนสามอย่างคือ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรประชาชน เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทั้งนี้ผู้ขายจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้

        ER DIAGRAM #2

        • จากแนวคิดข้างต้นได้ทำการเขียน ER DIAGRAM ครั้งเเรกปรากฏว่ายังเก็บข้อมูลไม่ครบถ้วนจึงได้ทำการปรับเเก้โดยการเพิ่มเอนทิตี้ ประวัติการซื้อ-ขาย เข้าไปเผื่อทำการเก็บข้อมูลของการ ซื้อ-ขาย ในเเต่ล่ะครั้งเผื่อนำข้อมูลที่ได้มาคำนวณหา เครดิตการซื้อ เเละ เครดิตการขาย ของผู้ใช้งานเเต่ล่ะคนเผื่อเเสดงต่อไป
        รูปที่2 แสดง ER DIAGRAM ที่เพิ่ม เอนทิตี้ ประวัติการซื้อ-ขาย เเล้ว
        • เพิ่มแอททริบิวให้กับเอนทิตี้สินค้าเพื่อเก็บข้อมูลของวันเวลาที่ประกาศขายสินค้า จำนวนการเข้าชมสินค้า เเละประเภทของสินค้าเผื่อใช้ในการกรองข้อมูลในการค้นหาสินค้าที่ต้องการต่อไป
        รูปที่3 แสดง ER DIAGRAM ที่เพิ่มแอททริบิวให้กับเอนทิตี้สินค้า

        อธิบายความสัมพันธ์ของ ER DIAGRAM ที่เพิ่มเข้ามาใหม่

        • ความสัมพันธ์ของ ผู้ขาย กับ ประวัติการซื้อ-ขาย มีความสัมพันธ์กันดั้งนี้ : ผู้ขายหนึ่งคนสามารถที่จะมีประวัติการซื้อ-ขายได้หลายครั้ง
        รูปที่4 แสดงความสัมพันธ์ของ ผู้ขาย กับ ประวัติการซื้อ-ขาย
          • Degree : Binary relationship เป็นความสัมพันธ์ที่มี Entity เกี่ยวข้องด้วย 2 Entity คือ ผู้ขาย กับ ประวัติการซื้อ-ขาย
          • Participation : Partial ในฝั่งของผู้ขายเพราะผู้ขายอาจจะมีหรือไม่มี ประวัติการซื้อ-ขาย ก็ได้ และ Total ในฝั่งของประวัติการซื้อ-ขาย เพราะหลังจากมีการซื้อขายจำเป็นที่จะต้องเก็บประวัติทุกครั้ง 
          • Cardinality : เป็นแบบ 1 : N เพราะผู้ขายหนึ่งคนสามารถที่จะมีประวัติการซื้อ-ขาย ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง